
วันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 เว็บไซต์อินดิเพนเดนท์ เปิดเผยว่า นักโบราณคดีขุดค้นทางทะเลชาวกรีกและชาวอังกฤษได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจซากปรักหักพังของเรือโบราณอายุเก่าแก่ร่วม 2,000 ปี ที่อัปปางอยู่ก้นทะเล กระจัดกระจายอยู่รอบ ๆ หมู่เกาะโฟร์นีของกรีซ ซึ่งบริเวณนี้เคยเป็นทางเดินเรือที่สำคัญสำหรับเรือขนสินค้าของกรีก อียิปต์ และไซปรัส

ด้านนักโบราณคดีเชื่อว่า อาจจะมีซากเรืออัปปางมากถึง 40 ลำในบริเวณรอบ ๆ หมู่เกาะ ซึ่งคิดเป็นพื้นที่ราว 17 ตารางไมล์ (ประมาณ 44 ตารางกิโลเมตร)
ด้าน จอร์จ คูทโซฟลาคิส ผู้อำนวยการของคณะสำรวจ เผยว่า ตามกำหนดการก่อนหน้านี้ ทางคณะสำรวจมีมติจะทำการขุดค้นเรือประมาณ 4-5 ลำต่อ 1 ฤดูกาล แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะพบซากเรืออีกเป็นจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน

โดยเรือส่วนใหญ่ที่อับปางถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ระหว่าง 700 ปีก่อนคริสตกาล ถึงคริสตศักราชที่ 600 แต่มีอยู่ลำหนึ่งที่พบว่าได้อับปางและจมสู่ก้นทะเลเมื่อช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16
ขณะนี้ การสำรวจดำเนินไปได้ราว 12 เปอร์เซ็นต์จากเรือที่พบทั้งหมด ด้าน ปีเตอร์ แคมป์เบลล์ เปิดเผยว่า โดยส่วนตัวแล้วเขาคิดว่าคงไม่น่าจะเจอซากเรือจำนวนมากเช่นนี้อีกแล้ว การค้นพบซากเรือ 22 ลำในคราวเดียวนั้น เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์สุดตราตรึงครั้งหนึ่งในชีวิตเลยทีเดียว
ทั้งนี้ หมู่เกาะโฟร์นี เป็นหมู่เกาะที่ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่จำนวน 13 เกาะ อยู่ระหว่างเกาะซาโมสและอิคาเรีย อดีตเคยเป็นจุดแวะพักที่สำคัญของเหล่านักเดินเรือทางไกล โดยส่วนใหญ่นักเดินเรือเหล่านี้มักมีจุดหมายอยู่ที่ทะเลดำ ทะเลอีเจียน ประเทศไซปรัส และเลแวนต์ (ปัจจุบันคือดินแดนชายฝั่งทางตะวันตกของทวีปเอเชีย ประกอบด้วยประเทศเลบานอน อิสราเอล จอร์แดน และซีเรีย)
หมู่เกาะโฟร์นี ภาพจาก Carto DB
ภาพจาก Vasilis Mentogianis
siamupdate.com