ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง


พ่อจังไรข่มขืนลูกในใส้ทั้งที่ลูกอายุ9ปีเท่านั้นมันยังทำใด้ลงคอ
พ่อสาระเลวสารภาพสาเหตุเพราะดื่มเหล้าแล้วได้ดูคลิปโป้ในมือถือ จนเกิดอารมณ์ทางเพศ
เวลา 13.00 น. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 ขณะที่ พ.ต.ต.สุทิน พุ่มพวง พนักงานสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ กำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก ได้มีนางสาวบังออน นิสารพะยุ ผู้ใหญ่บ้านหมูุ่ 6 ตำบลสำโรงเหนือ ได้พานางเอ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี และเด็กหญิงบี (นามสมมุติ) อายุ 9 ปี ลูกสาว เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายนคร อายุ 36 ปี สามีและพ่อแท้ ๆ ของเด็กหญิงบี ที่ได้ลงมือข่มขืนลูกสาวแท้ของตัวเองภายในบ้านพัก ย่านสำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ ล่าสุดนายนคร ได้ลงมือข่มขืนลูกสาวเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา 
นางสาวเอ มารดาของเด็ก เล่าว่า อยู่กินกับสามีซึ่งทำงานเป็น รปภ.อยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง มานานกว่า 12 ปี จนมีลูกสาวด้วยกัน 2 คน โดยลูกคนเล็กเพิ่งเสียชีวิตไปได้ประมาณ 3 ปี เหลือเพียง ด.ญ.บี เพียงคนเดียวและกำลังเรียนอยู่ในชั้นประถมปี่ที่ 4 เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกเป็นเด็กที่ร่าเริงสนุกสนาน แต่มาระยะหลังๆ ลูกมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป กลายเป็นเด็กเก็บตัว นิ่งเงียบและบางครั้งซึมเศร้า ในขณะเดียวกันสามีของตนก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปเช่นกัน เวลาจะร่วมหลับนอนมักจะชอบนำคลิปวีดีโอร่วมเพศในมือถือให้ตนดูและทำตาม แต่คิดไม่ถึงว่าสามีจะมาทำกับลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง  
แม่ของเด็ก กล่าวต่อว่า สอบถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง จนลูกสาวยอมเปิดปากเล่าให้ฟังว่า ถูกพ่อข่มขืนมานานกว่า 5 เดือนแล้ว รวม 4 ครั้ง อาศัยจังหวะที่ตนไม่อยู่บ้าน หลังทราบเรื่องจึงตัดสินใจมาปรึกษากับผู้ใหญ่บ้าน และประสานทางเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมันคงของมนุษย์ เดินทางมาแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีกับสามี โดยเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าจับกุมตัวนายนคร ได้ในขณะทำงานเป็น รปภ.อยู่ที่โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แห่งหนึ่ง ย่านถนนเทพารักษ์ ตำบลสำโรงเหนือ  
จากการสอบสวนนายนคร รับสารภาพว่า ได้ข่มขืนลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองจริง แต่อ้างว่าทำเพียงครั้งเดียว เบื้องต้นเจ้าหน้าทีตำรวจได้แจ้งข้อหาว่า ข่มขืนกระทำชำเราลูกสาวแท้ๆของตนเอง ก่อนคุมตัวเอาไว้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนเด็กทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรปราการ ได้นำตัวไปเพื่อดูแลและฟื้นฟูสภาพจิตใจต่อไป
อยากแชร์ต่อให้เพื่อนๆ:
Share on FB Tweet Share on G+ Submit to Digg