นับว่าเป็นกระเเสที่ตอนนี้กำลังมาแรงในโลกโซเชียลเเละมีการวิพากษ์วิจารณ์กันหนักสุดๆ หลังจากที่มีสาวไทยอ้างว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ วิค F4 หรือ ไจไจ๋ นักเเสดงชื่อดังที่หลายคนทราบกันดี โดยเธอได้เล่าว่าเธอคบหาแบบลับๆกับดาราหนุ่มนานถึง 5 ปี จนเมื่อเดือนสิงหาตั้งครรภ์ พยายามติดต่อผู้ฝ่ายชายแต่ถูกผู้จัดการฝ่ายชายไม่ให้ติดต่อไป จึงไปทำแท้ง และตอนนี้ต้องการเพียงคำขอโทษ
ล่าสุด จิ๊ก เนาวรัตน์ ได้ออกรายการ เช้าข่าวชัดโซเชียล โดยเธอได้เปิดใจถึงว่าเธอเคยเป็นเเฟนคลับตัวยงของศิลปินกลุ่ม F4 เธอกล่าวว่า ถ้าเป็นลูกของเธอก็จะเตือนว่า "ปล่อยยผ่านเลยดีกว่า ในเมื่อไปเจอเขาในห้อง แล้วนี่อยู่คนละประเทศจะไปเรียกร้องอะไร ยิ่งเราเป็นโนเนม แล้วยิ่งเขาเป็นดาราเรายิ่งเป็นเเค่ผงธุลี"
สุดท้ายเเล้วเธอกล่าวว่า "ไม่ควรโชว์ตัวออกมา ยิ่งออกยิ่งเสียชื่อ แล้วทำเเท้งเเล้วยิ่งเสีย ควรคิดให้ดีก่อน เป็นห่วง แล้วตอนที่ไปนอนกับเขา ทำไมไม่ให้เขาขอโทษละคะ"
วันที่ 18 ก.พ. ที่สตูดิโอช่อง 2 น.ส.แพรอร (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี สาวปริศนาที่อ้างว่า วิค F4 ชื่อจริง โจว อวี๋หมิน หรือ ไจ่ไจ๋ อดีตบอยแบนด์ไต้หวันชื่อดัง วง F4 ทำให้ตนเองตั้งครรภ์ โดย แพรอร เผยว่า "ความรู้สึกตอนนี้ไม่โอเคเลย แต่ก็ดีขึ้นมาบ้าง สิ่งที่ทำตัดสินใจออกมาพูดในวันนี้เห็นจากสิ่งที่ถาโถมเข้ามาก็เลยอยากออกมา พูด ที่มาที่ไปคือเรารู้จักกันผ่านเพื่อน ตอนแรกก็คุยกันแบบเพื่อนเฉยๆ จากนั้นก็สานสัมพันธ์กันโดยที่เขาเข้ามาหาเราก่อน รู้จักกันผ่านเพื่อนของเพื่อนที่ไต้หวันเลยได้เจอเขาที่ไต้หวัน เพราะเรามีญาติอยู่ใต้หวัน ที่เราออกมาพูดนี้เพราะ หลายๆ คนปะติดปะต่อพูดถูกบ้างไม่ถูกบ้างเลยอยากออกมาตอบคำถามที่หลายคนสงสัย หลังจากที่ออกมาเปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นก็รู้สึกแย่ แต่ไม่เท่าไรเพราะเคยเจอมาเยอะแล้ว"
คนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราเข้าถึงดาราไต้หวันได้
"เป็น เพราะเขาเปิดทางให้เราด้วยมากกว่า เราคบกัน 5 ปี เป็นเพื่อนกันก่อน 2 ปี เรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 2009 ตอนเป็นเพื่อนกันเราก็ไม่ค่อยได้คุยกันไม่ได้สนิทกันด้วยซ้ำ ตอนเราตกลงคบกันก็คบกันลับๆ ให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเราคบกัน เพื่อนเราก็รู้ไม่ได้ ถามว่าตกใจไหม เขาเป็นดาราขนาดนั้นแล้วมาคบกับเรา ก็ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะเรารู้นิสัยของเขาหลายๆ อย่าง เหมือนคนเรารู้จักกันก็จะรู้นิสัยกัน นิสัยเขาก็จะเป็นติสท์และเป็นคนพูดเยอะด้วยซ้ำ สิ่งที่ทำให้รู้ว่าเขาจีบเรา คือหลังๆ เราคุยกันบ่อย เขามีแสดงอาการ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่บอกยาก ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาเราคุยกันผ่านโปรแกรมต่างๆ และจะเจอกันเมื่อเขาไปทำงานที่ไหน แล้วเราอยู่ใกล้ที่นั่นเราก็จะนัดไปเจอกัน อย่างล่าสุดเขามาทำงานที่ไทยก็จะเรียกเราไปพบ เราไม่เคยถามว่าเขาชอบเราเพราะอะไร แต่เขาเคยบอกว่า หนูเป็นไม่พูดอะไรเยอะ ไม่ตามจี้"
เขาแสดงออกอย่าวไรให้เรารู้สึกว่าเป็นแฟนกัน
"เขา เป็นคนใส่ใจ อย่างเขาไปทำงานก็จะทักมาบอกว่าทำงานเหนื่อยมากเลย คุณทำอะไรอยู่ การเจอกันของเรามันไม่สามารถจะเปิดเผยได้ ฉะนั้นเราจะเจอกันในห้องแล้วก็มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง จริงๆ ตอนที่เราได้เสียกันมันก็ยังเป็นกึ่งๆ เพื่อนกันอยู่ น่าจะประมาณปลายปี 2011 พอช่วง 2012 เราก็ตกลงเป็นแฟนกัน ครั้งแรกที่ได้เสียกัน เขาเริ่มก่อนโดยการบอกให้เราไปหาเขา เขาก็อ้างโน่นนี่ให้เราเข้าไปหาเขา พอเข้าไปเขาก็บอกให้หนูนั่งที่ปลายเตียงเขาให้นอนลง แต่หนูไม่ยอมนอน สักพักเขาก็เดินมาจับแขนให้นั่งข้างๆ เขาแล้วเขาก็จับหนูนอนเลย แต่เราไม่ได้ยินยอม เพราะตอนแรกที่เข้าไปเราก็พยายามนั่งเฉยๆ ไม่มีอะไรกับเขา เราเป็นคนมีเพื่อนผู้ชายเยอะมาก ไม่คิดว่ามันจะต้องเป็นแบบนั้น
ส่วนครั้งที่สองที่มี ความสัมพันธ์ลึกซึ้งก็ที่ไต้หวันเขาให้ไปหาเหมือนเดิม ซึ่งหนูก็ไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรอีก เพราะหนูมีเพื่อนเยอะ เราไว้ใจเขานะ ก็คิดว่าคนมันได้เสียกันแล้วเนอะ เราก็เป็นเพื่อนๆ กัน ก็ไม่ได้คิดอะไรยังคุยกันได้ เรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่ได้คิดว่าทำแล้วเราต้องฟ้องเขา ถึงเขาไม่ได้เป็นดาราหนูก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องท้องก็ไม่ได้คิดว่าจะท้อง ตอนท้องก็อยู่ช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ตลอดที่คบกันลับเราก็มีอะไรกันมาเรื่อยๆ เคยคิดจะถอยห่างออกมาเหมือนกัน แต่เรารักเขาไปแล้ว เขาจะแสดงออกว่ารักเราโดยการแสดงความห่วงใยกันมากกว่า จะไม่ได้ถ่ายรูปคู่เราจะมาเจอกันมากกว่าแต่ก็ไม่ได้ออกไปไหน ล่าสุดเจอที่สมุยเราก็แอบไปเจอกันโดยที่ทีมงานไม่รู้ เขาจะบอกเวลาให้เราเข้าไปเพราะเขาเป็นคนที่เซฟมาก ตอนที่รู้ว่าท้องยังไม่ได้บอกเขา แต่พอบอกเขาไปเขาตอบว่าให้รอก่อน รอให้เขามาทำงานใกล้ๆ แถวนี้แล้วค่อยคุยกัน
เราก็รอ แล้วรออีก รออยู่นานจนเขาแต่งงานประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว ตอนนั้นท้องประมาณ 2 เดือน ถามว่าตอนนั้นรู้ไหมว่าเขามีแฟน เขาบอกเราว่าเป็นเพื่อนและเราไม่เคยได้ยินเรื่องแฟนเขาเลย จะรู้ในลักษณะว่าเขาสนิทกันทำงานด้วยกันแล้วเขาบอกว่าเป็นเพื่อน เราคิดว่ามันเป็นปกติของคนในวงการที่จะมีข่าวกับผู้หญิงอยู่แล้ว ตอนอยู่ด้วยกันเขาจะบอกว่ารู้สึกดีกับเรามากกว่า แต่ไม่รู้ว่าใช้แทนคำว่ารักได้หรือเปล่า ตอนที่ท้องก็เกิดแรงกดดันสูงมากด้วยเรื่องหลายๆ อย่าง ที่ตัดสินใจเอาเด็กออกเพราะทุกอย่างมันโถมเข้ามา"
ทำไมไม่เก็บเด็กไว้
"เพราะ เรารู้สึกแย่กับตัวเขามากๆ ทั้งคำพูดและอะไรหลายๆ อย่าง ในตอนที่เราบอกเขาเรื่องลูก เขาก็เงียบไปนานอย่างเรื่องแต่งงาน จริงๆ หนูก็อยากฟังจากปากเขาเอง แต่เขาก็ไม่พูดสักที พอถึงวันที่ 15 ธ.ค. จึงตัดสินใจถามเขา เขาก็ทำเป็นถามกลับว่าเรื่องอะไร เราก็เลยเกลียดเขา ส่วนกระแสที่มองว่าเราเป็นแฟนคลับชอบดารา มันก็เป็นธรรมดาที่คนจะคิดแบบนั้น เราไม่ได้ติดตามผลงานของเขา ดูแค่ 1-2 เรื่องเท่านั้น ส่วนที่วิจารณ์ว่าเราคุยคนเดียว หนูก็เฉยๆ มาก"
มีคนสังเกตุว่าระหว่างที่เราคบวิคเราก็มีแฟนอยู่
"ตอน นั้นเราก็รู้สึกไม่ได้อยากเอาเขาเหมือนกัน เพราะรู้สึกว่าทำไมต่องหลบๆ ซ่อนๆ ซึ่งก็มีเพื่อนผู้ชายมาชอบเรา เราก็เลยลองคุยดูสุดท้ายก็ไม่รอด ยืนยันว่าเด็กไม่ได้เป็นลูกของเพื่อนผู้ชายที่มาชอบเราแน่นอน ถามว่าเป็นลูกของวิกไหม ก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาเป็นคนที่เรามีความสัมพันธ์ด้วยมาตลอด เรามีความสัมพันธ์ล่าสุดกับเขาแต่ไม่ได้ความสัมพันธ์บนเตียงกับคนอื่น ที่ตัดสินใจทำแท้งไม่อยากเก็บเด็กไว้ เพราะไม่อยากเรียกร้อง ที่ออกมาเพราะอยากพูดความจริง และอยากให้เขาออกมาพูด เรามีการเรียกร้องไปทางสื่อฯ บ้านเขา เป็นข่าวในวันที่ 1 ม.ค. กระแสตอบกลับมาก็แรง แต่ยังไม่มีการตอบกลับมาจากทางเขา
ตอน ทำแท้งก็ไม่กล้าบอกใคร เรามีของแทนใจกันคือแหวนซึ่งที่วิกก็มี เรารู้กันอยู่สองคน เขาซื้อให้ในโอกาสวันเกิด หลังจากที่เราไปให้ข่าวกับสื่อฯ จีน ก็มีคนออกมาพูดแทนเขาในเชิงบ่ายเบี่ยงว่าไม่ใช่เรื่องจริง เราก็รู้สึกแย่ แล้วเขาก็สร้างสถานการณ์ว่ารักกันกับแฟนเขา แต่ไม่ได้ออกมาโต้ตอบอะไร ความสัมพันธ์ที่หลบๆ ซ่อนๆ เราก็ไม่ได้เต็มใจหรอก แต่เราเลือกไม่ได้ก็เข้าใจว่าเขาเป็นดารา สำหรับเรื่องที่ว่าเราได้รับการติดต่อจากภรรยาของเขา จริงๆ มันเกิดขึ้นในแชทตอนนั้นเราทะเลาะกับวิก เขามาบอกขอโทษ เราเลยบอกว่าถ้าคุณเสียใจจริงๆ ต้องมาขอโทษเราเอง เขาก็บอกว่าเขาไม่มีเวลา เราก็เลยบอกว่าเราจะเดินทางไปไต้หวัน ถ้าไม่เจอคุณเราจะไปคุยกับผู้หญิงคนนั้น
แต่ตอนนั้นเรายังไม่เจอและตอนนี้ก็ยังไม่เจอ เอาจริงๆ ก็อยากเจอเหมือนกัน เรามีการปะมะกันเล็กๆ มากกว่าทางฟซบุ๊ก จริงๆเราเป็นคนเปิดฉากก่อนเลย เรื่องเขาแต่งงานเลยท้าถ้าแต่งงานจริงเอาทะเบียนสมรสมาสิ แต่เขาก็นิ่ง ทางคนที่รู้จักกันที่โน่นบอกว่าวิกอยากเคลียร์กับหนูนะ แต่ทางโน่นสั่งไม่ให้ติดต่อใครเลย ยืนยันว่าไม่ได้อยากดังหรือเกาะกระแสเขา และไม่กลัวเขาฟ้องด้วย ถ้าไม่เป็นเรื่อจริงเขาก็ออกมาโต้สิ ทุกวันนี้ก็เงียบไม่เห็นกล้าทำอะไรเลย เราแค่ต้องการคำขอโทษ หลังจากนี้ถ้ามันยังไม่มีอะไรเกืดขึ้นก็ถือว่าหนูได้พูดแล้ว ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่"
คนอาจจะตีความว่าเราเป็นเครื่องระบายอารมณ์ของเขา
"ตอน นี้หนูก็คิดว่าเป็นแบบนั้น เห็นจากการกระทำของเขา เหมือนเขาหลอกเราหรือเปล่า ตอนนี้หนูต้องการศักดิ์ศรีอยากให้เขาออกมายอมรับความจริงแล้วขอโทษ ตอนนี้ก็พยายามทำให้ดีที่สุด อยากบอกเขาว่าให้ออกมายอมรับความจริง ออกมาพูดกับหนูออกมาโต้กลับบ้าง ที่ผ่านมาหนูถามหาเหตุผลมาตลอดก็มีแต่คำว่ารอ ถ้ามันจริงไม่จริง รักหรือไม่รักก็ออกมาเคลียร์เลย เรายืนยันว่าที่ออกมาพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด"