ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง


นี่คือเรื่องราววิปริตที่เกิดขึ้นในเขตฮามิลตัน รัฐโอไฮโอ้ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อนายเคนเนธ ดักลาส
วัย 60 ปี ซึ่งเคยทำงานเป็นสัปเหร่อในสุสานฮามิลตัน คันทรี ในช่วงระหว่างปี 1976 ถึง 1992
เขาตกเป็นผู้ต้องหาหลังพบว่าเขาก่อเหตุข่มขืนศพผู้เสียชีวิตมากว่า 100 ศพ ในรอบ 17 ปี

สัปเหร่อ
ในปี 1982 เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ ได้พบคราบอสุจิในศพของ คลาเรน เรนซ์ หญิงสาวผู้เสียชีวิตจากคดีฆาตกรรม
แต่ผู้ก่อเหตุฆาตกรรมหญิงสาวคนดังกล่าวได้ยืนยันว่าตนไม่ได้ลงมือข่มขืนแต่อย่างใด ทำให้คราบอสุจิปริศนา
ที่พบกลายเป็นความลับมายาวนานหลายสิบปี
ต่อมา เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งช่วยในการสืบสวนหาหลักฐาน
จากการตรวจสอบพบว่าคราบอสุจิดังกล่าวเป็นของนาย เคนเนธ ดักลาส สัปเหร่อสุสานฮามิลตัน จากการตรวจสอบ
พบว่าเขาได้ก่อเหตุดังกล่าวมานับครั้งในถ้วน โดยฉวยโอกาสที่เจ้าหน้าที่ส่งศพมาเก็บไว้ในห้องเย็นเพื่อรอการ
ชันสูตรศพ จากคำอ้างของนายดักลาส กล่าวว่าเขาข่มขืนศพมาแล้วกว่า 100 ศพ
 
ในกรณีของคราเรน เรนซ์ เป็นหนึ่งจากร้อยศพที่สัปเหร่อจิตวิปริตรายนี้ก่อเหตุข่มขืน จากการกล่าวอ้างของ
ตัวดักลาสเอง โดยกล่าวว่า เขาจะก่อเหตุข่มขืนศพเมื่อเขาได้เสพสารเสพติดหรือดื่มเหล้า ซึ่งพฤติกรรมดื่มเหล้า
และเสพสารเสพติด ได้สร้างความเอือมระอาต่อภรรยา มิตรสหายและเพื่อนร่วมงานอีกด้วย แต่ไม่เคยมีใครรู้ว่า
เขาจะมีรสนิยมทางเพศที่วิปริตเช่นนี้มาก่อน
ท้ายที่สุด เคนเนธ ดักลาส ถูกศาลตัดสินให้ถูกจำคุกหลังก่อเหตุข่มขืนศพเป็นเวลา 17 ปี ซึ่งต่อมามีหลักฐาน
ยืนยันได้ว่าเขาก่อเหตุดังกล่าวจริงเพิ่มอีก 2 ศพ จากจำนวนทั้งหมดร้อยศพที่เจ้าตัวเคยกล่าวอ้าง
นักจิตแพทย์ได้ชี้ว่าอาการของ เคนเนธ ดักลาส เป็นอาการโรคจิตและกามวิตถารอย่างหนึ่ง
โดยกล่าวว่าศพเหล่านี้มีแรงดึงดูดต่อผู้ก่อเหตุ ซึ่งมีรสนิยมชื่นชอบคู่นอนที่ไม่สามารถปฏิเสธเขาได้
อยากแชร์ต่อให้เพื่อนๆ:
Share on FB Tweet Share on G+ Submit to Digg