วันที่ 2 พ.ค. เวลา 14.00 น. ที่ สน.ลาดพร้าว เอมมี่-อมลวรรณ ศิริกิตติรัตน์ หรือ เอมมี่ แม็กซิม เดินทางมาลงบันทึกประจำวัน หลังมีคนนำภาพตนไปประกอบกับภาพอวัยวะเพศ พร้อมแคปชั่นว่า “จะเอาไหม” จนทำให้ตนเกิดความเสียหาย
โดย เอมมี่ เผยว่า “วันนี้มาเพื่อลงบันทึกประจำวัน ยังไม่กล้าแจ้งความเพราะก่อนหน้านี้คุยกับน้องชาย ว่าเราควรทำยังไงดี จริงๆ เอมมี่เห็นรูปนี้คือเยอะมาก แต่บังเอิญรูปนี้เรารู้สึกว่ามันอุบาทว์เกินไป และถ้าเราแจ้งความคือคิดก่อนแล้วว่าไม่น่าจะเป็นรูปของผู้หญิงที่อยู่ในเฟซบุ๊กคนนี้ น่าจะเป็นเฟซปลอมมากกว่า เราอยากรู้ว่าจุดประสงค์ที่ทำขึ้นมาเพื่ออะไร เพราะอะไร ตัวเราทุกวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายมากแล้ว ไม่ว่าทำอะไรเราก็ยอมรับหมดอยู่แล้ว แต่ลูกเราล่ะถ้าเขามาเห็นรูปแบบนี้ ถ้าวันนึงเราเจอผู้ชายที่ดีๆ บ้านรวย สังคมดี และมาเจอรูปแบบนี้ ชีวิตเอมมี่ก็จบไหม คืออย่าทำแบบนี้เลยดีกว่า เป็นการเตือนนะ แต่ตอนนี้คือส่งเรื่องไปแล้วของ พรบ.คอมพิวเตอร์”
เราไปเจอรูปนี้ได้ยังไง เอมมี่กล่าวว่า “มีรุ่นพี่ที่ช่อง 3 ส่งมาให้ค่ะ บอกว่านี้รูปเอมมี่นี่ ใครเอามาโพสต์ รวมถึงมีเพื่อนที่รู้จักกันมาบอกอีกว่า รูปนี้อีกแล้ว คือมันบ่อยแล้วและที่เราโมโหไม่ใช่อะไรนะ รูปมันดำไป ของจริงเรายังชมพูอยู่ (ยิ้ม)”
แบบนี้ลูกเห็นรูปไหม “ยังไม่เห็นค่ะ แล้วลูกเราตอนนี้กำลังโต ขึ้นป.5-ป.6 เราอยากจะฝากบอกมากว่า การทำเฟซบุ๊กน่าจะให้มีลงเลขที่บัตรประชาชน เพื่อที่ลิงค์กับทะเบียนราษฎร์ไปเลย เวลาจะหาตัวได้ง่ายๆ แบบนี้ไม่ใช่แค่ดารานักแสดงอย่างเดียว คนอื่นทั่วไปก็เหมือนกัน”
ตอนนี้ส่งผลกระทบอะไรกับเราบ้าง “ตอนนี้มันยังไม่มีอะไร แต่รูปนี้เราเห็นบ่อยแล้ว สองคนแล้วที่ส่งมาให้เราดู มันน่าโมโห เขาก็เขียนแคปชั่นเชิงน่าเอาไหม คือมันไม่สมควรไง”
เรามีติดต่อพูดกับกับเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อนี้ไหม “เราเข้าไปแล้ว แต่ยังไม่ได้คุย ตั้งใจว่าเดี๋ยวจะลองทักไปคุยว่าให้ลบออก เรารู้สึกว่าถ้าเราแจ้งความแล้วปรากฎไม่ใช่น้องคนนี้ เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่โตว่าเราไปปรักปรำน้อง”
ความต้องการเราอยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลยไหม “เราไม่ได้อยากจะเอาเรื่อง แต่เราอยากจะเตือนมากกว่า คือบางทีเอารูปเราไปทำมาหากิน เอาไปโพสกับสินค้าหรือผลิตภัฑ์ตัวเองบ้าง เราก็ยังถูไถ่ให้ เราใจดีมากเลยนะ ปกติเรารีวิวให้รูปนึงก็อยู่ที่ 4-5 หมื่น แต่คุณเอารูปเราไปใช้ฟรี เตือนแล้วไม่เอาออก แถมมาด่าเราอีก เคสแบบนี้เราก็ไม่ยอม แต่บางคนที่เขาเพิ่งจะเริ่มทำธุรกิจ เราก็พอโอเค แบบรูปเราถ้าจะเอาไปทำอะไรคือเอาไปทำดีๆ ได้ไหม อย่าเอาแบบนี้เลย”
คาดหวังให้จับคนทำได้ไหม “อยากให้จับอยู่แล้ว เพราะทำมาหลายครั้งแล้ว ไม่ต้องมาพูดว่า ผมขอโทษครับ ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คือในวันที่เขาโพสเขาต้องรู้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฟีดแบคจะเป็นยังไง” ถ้าจับได้อยากเรียกร้องเป็นเงินค่าเสียหายไหม “ถ้าเขามีเวลามานั่งทำขนาดนี้ เราเชื่อว่าเขาน่าจะเป็นพวกพ่อแม่มีเงิน หรืออาจจะมีธุรกิจอยู่แล้วเลยมีเวลาว่างมาทำแบบนี้ คงต้องเรียกเงินแล้วค่ะ เพราะแบบนี้เรียกว่าชั่ว ส่วนจะเรียกเท่าไหร่ ถ้าสมมติมีคนรวยๆ หรือฮาเวิร์ด หวัง มาขอเราแต่งสัก 10 ล้านหรือร้อยล้าน นั่นหมายถึงถ้าเขาเห็นรูปนี้แล้วเขาไม่ขอเราแต่งงาน เราก็จะเรียกตามค่าสินสอดเลย”
รูปนี้ฮาเวิร์ดเห็นหรือทราบยัง “ยังไม่เห็นค่ะ แต่เดี๋ยวจะส่งให้เขาดูก่อนว่ามันเป็นแบบนี้นะ”
หลังจากนี้ต้องดำเนินการยังไงต่อ “คุณตำรวจบอกว่าเดี๋ยวจะส่งเรื่องให้กับทาง พรบ.คอมพิวเตอร์ สืบหากันไปเรื่อยๆ แต่บอกไว้ก่อนเลยว่าอย่ามาบอกว่าทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เราเชื่อว่าสิ่งที่ทำคือสิ่งที่เขาแพลนไว้หมดแล้ว”
หลายคนมองว่าเราสร้างกระแสอีกแล้ว “เสียเวลาไหม จริงๆ วันนี้เราต้องมีอีก 2-3 งาน มันเสียเวลาที่ต้องมา สน. แล้วที่นี่เรามาบ่อยมาก ยังกลัวคุณตำรวจจะเบื่อหน้า เลิกพูดเถอะว่าสร้างกระแส คือถ้าใครไม่โดนแบบเราก็จะไม่รู้สึกแบบเรา ฉะนั้นต้องโดนเอง เราก็ไม่อยากโดนแบบนี้เหมือนกัน เอารูปไปใช้ได้แต่ขอเป็นในทางที่ดี รูปเข้าวัด ฟังธรรม ทำไมไม่เอามา”
อยากฝากอะไรถึงเด็กหรือเยาวชนที่เสพข่าวนี้ไหม “โซเชียลเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ทำให้ทุกคนมีอาชีพที่ดีขึ้น คือทำอะไรก็ได้แต่อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน เมื่อกี้คุณตำรวจก็แนะนำว่าถ้าจะฟ้องไปที่เฟซบุ๊ก คือเซิฟเวอร์มันอยู่ต่างประเทศ แต่เราชื่อว่าต้องมีแอดมินที่เมืองไทย ทุกอย่างคนไทยต้องซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาเหมือนกัน น่าจะแฟร์กับทุกคนถ้าลิงค์เข้ากับทะเบียนราษฎร์ อยากให้เด็กๆ ทุกคนใช้สมองในการเล่นโซเชียล ถามว่ากลัวเรื่องจะเงียบไหม เราก็ไม่ยอมเพราะเราก็ต้องโดนอีกเรื่อยๆ ถ้าเราไม่ทำ ไม่เอาจริง ก็จะยังโดนแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่เราแต่ดาราคนอื่นก็โดน เราไม่ใช่ปกป้องแค่ตัวเอง แต่เราปกป้องทุกคน ทุกอาชีพค่ะ”